วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557


 ลูกชิ้นหัวไชเท้ากุ้งสด อาหารจีนฮากกา (จีนแคะ)


 

ลูกชิ้นหัวไชเท้า ปกติจะใส่หมูสับ ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นกุ้งสับแทนหมู
เนื่องจากมีหัวไชเท้าเหลืออยู่
ตอนแรกอยากจะทำ ลูกชิ้นหัวไชเท้าสูตรเดิม
แต่ไม่มีหมูสับ เหลืออยู่แต่กุ้งเลยได้ "ลูกชิ้นหัวไชเท้ากุ้งสด"
เริ่มจากนำหัวไชเท้าไปขูดเป็นฝอยก่อน
ใส่เกลือลงไปคลุก เพื่อให้หัวไชเท้าคลายน้ำออกมา


ใช้มือบีบ คั้นน้ำออกจากหัวไชเท้าขูด ทำแบบนี้ 3 ครั้ง


หัวไชเท้าที่คั้นน้ำออกไปแล้ว

 
ปกติ จะต้องนำหัวไชเท้าขูดนี้ไปผัดกับน้ำมัน ใส่ กระเทียม กุ้งแห้ง หมูสับ
แต่ครั้งนี้ ไม่ต้องการใส่น้ำมันลงไปในลูกชิ้น เพราะไม่ต้องการให้มีน้ำมันอยู่ เพราะต้องมีคนต้องการลดน้ำหนัก เลยทำแบบคลุกง่ายๆ
เอากุ้งแห้งแช่น้ำให้นิ่ม และกุ้งสด ลงไปคลุกกับหัวไชเท้า
 

ใส่แป้งมัน(หรือแป้งเท้า)ลงไป เพื่อให้เหนียวจะได้ปั้นเป็นลูกชิ้นได้

คลุกให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย เหล้าจีน 1 ช้อน ซีอิ้วขาว และใส่ซีอิ้วดำลงไปด้วย เพื่อให้ลูกชิ้นดูสวยงาม
 

จัดการปั้นเป็นลูกชิ้น เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว


    จัดใส่จาน นำไปนึ่ง


นึ่ง 20 นาที ลูกชิ้นหัวไชเท้าสุก






รสชาติออกมาไช้ได้เลย มีความหวานจาก หัวไชเท้าและกุ้งสด พร้อมความหอมจากกุ้งแห้ง เนื่องจากลูกชิ้นนี้ไม่มีไขมันผสม ดังนั้นความนิ่มสู้แบบนำหัวไชเท้าที่ใส่หมูและนำไปผัดไม่ได้
แต่แครอลี่ต่ำกว่ามาก น่าจะจัดเป็นอาหารสุขภาพได้




http://www.youtube.com
http://hakkapeople.com
http://everything-ain.blogspot.com

http://pantip.com

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557


                         ความหมายดอกคุณนายตื่นสาย

  ในตอนเย็นวันหนึ่ง ช่วงปลายฝนต้นหนาวปี 2554  ขณะที่ผมนั่งปลูกดอกไม้ชนิดหนึ่งในกระถางเล็กๆ อยู่หน้าบ้าน...เผอิญนึกขึ้นได้ถึงความหมายของชื่อดอกไม้ที่กำลังปลูก "คุณนายตื่นสาย" ทำไมถึงชื่อพิลึก  ทั้งๆที่มีอีกหลายชื่อให้เรียกขาน..แต่ชื่อนี้กลับเป็นที่ยอมรับและใช้เรียกกันแพร่หลายโดยทั่วไป
  คุณนายตื่นสาย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Portulace grandiflora และมีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น แพรเซี่ยงไฮ้ แดงสวรรค์  สาวเชียงใหม่ บานเที่ยง บ้าแดด ฯลฯ  มีถิ่นกำเนิดจากประเทศแถบประเทศบราซิล (ระบบออนไลน์ : http://www.the-than.com/FLower/Fl-1/71/71.html)  คุณนายตื่นสายเป็นไม้คลุมดิน ลำต้นอวบน้ำสีม่วงแดง แผ่ทอดเลื้อยไปตามผิวดิน ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่กลับแกมรูปรี กว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบอวบน้ำ ผิวใบด้านบนสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม บางพันธุ์มีขอบใบขลิบสีแดง ดอกสีขาว ชมพู แดง เหลือง ส้ม ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกชั้นเดียว บอบบาง ขอบกลีบดอกหยักเป็นคลื่น มีลักษณะการเบ่งบานของดอกที่จะเริ่มทยอยบานเมื่อได้รับแสงแดดจัดในตอนสายๆ แดดเริ่มจัดเท่านั้น ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ผลแห้งแตก มีเมล็ดจำนวนมาก
                                แต่สิ่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากกว่าไปความสวยงามของสายพันธุ์อันหลากสีหลายชนิดนั้น คือชื่อ คุณนายตื่นสายทำไมคุณนายต้องตื่นสาย ? ชาวนาตื่นสาย !!  เจ้าอาวาสตื่นสาย !! หรือ อมาตย์ตื่นสาย !! ไม่ได้หรือ ??
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ คุณนายตื่นสายคงไม่อาจทราบได้ถึงที่มาที่ไปของชื่อนี้ว่าใครเป็นผู้ตั้ง แต่คนสมัยก่อนก็มักนิยมตั้งชื่อพรรณไม้ท้องถิ่นตามการเปรียบเปรยอุปนิสัยหรือลักษณะทางกายภาพของดอก เช่น เล็บมือนาง กล้วยไม้ ดอกเข็ม ดอกซ่อนกลิ่น เป็นต้น ขณะเดียวกันค่านิยมของคนไทยก็มักตั้งชื่อหญิงไทยในอดีต ตามชื่อของดอกไม้ที่งดงามหรือมีกลิ่นหอมเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นดอกไม้ที่มีทั้งความงามและความหอมในดอกเดียวกันก็จะยิ่งนิยมมากขึ้น เช่น กุหลาบ เป็นชื่อที่นิยมทั้งหญิงและชาย (เดชา ศิริภัทร, 2550) ซึ่งคุณนายตื่นสายก็มีอุปนิสัยการเบ่งบานของดอกเมื่อตอนแดดเริ่มแรงขึ้น แต่หากถามถึงนัยยะที่แฝงไว้ในความหมายของชื่อคุณนายตื่นสายแล้วก็คงเป็นที่ทราบกันดีอยู่
วิเคราะห์กันตามหลักภาษาไทยแล้ว มี 2 คำที่สมาสร่วมกันนั่นคือ คุณนาย + ตื่นสาย ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (พ.ศ. 2542 )นั้น คุณนาย (น.) เป็นคํายกย่อง ใช้เรียกภรรยาข้าราชการชั้นสัญญาบัตรที่ยังมิได้เป็นคุณหญิง, ในปัจจุบันใช้เรียกยกย่องสตรีทั่ว ๆไปที่ผู้เรียกนับถือ ซึ่งคุณนายนั้นมิได้เป็นยศ แต่เป็นการเรียกเพื่อยกย่องให้เกียรติเท่านั้น แตกต่างจากคำว่า คุณหญิงเป็นคำนำหน้าใช้สำหรับสตรีที่สมรสแล้วซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2416   ในล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา (สำนักนายกรัฐมนตรี, 2548)  ดังนั้นการใช้คำนำหน้าสตรีในอดีต จึงมีความเชื่อมโยงไปสู่ชั้นบรรดาศักดิ์ของสามีที่ได้รับพระราชทานยศตำแหน่งด้วย 
ส่วนคำว่า ตื่นสาย มี 2 คำรวมกัน คือ ตื่น + สาย ซึ่งเป็นคำขยายกิริยาของอาการตื่นนอน ตามความหมาย (ฉบับเดียวกัน) คือ ตื่น (ก.) ฟื้นจากหลับ เช่น ตื่นนอน, ไม่หลับ เช่น ตื่นอยู่ สาย (น.) เวลาระหว่างเช้ากับเที่ยงประมาณ ๙.๐๐ น. ถึง ๑๐.๐๐ น. เช่น พอสายก็ออกเดินทาง. ว. ช้ากว่าเวลาที่กําหนด, ล่าช้า, เช่น มาทำงานสาย
ความหมายร่วมของคำว่า ตื่นสาย จึงหมายถึง การตื่นนอนจากการหลับในช่วงเวลากลางคืนจนถึงช่วงระยะเวลาระหว่างตอนเช้ากับเที่ยงวัน  ซึ่งหากมองในแง่ของการปฏิบัติตามค่านิยม ความเชื่อ ประเพณี และบรรทัดฐานมารยาททางสังคมไทยแล้ว การนอนตื่นสายถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรพึงกระทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสุภาพสตรี ตามหลักมงคล 38 ประการ (ระบบออนไลน์: http://www.fungdham.com/mongkhol38/mongkhol38-04.html ) ในแง่ของหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน  มงคลที่ 9 การมีวินัยที่ดี : ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น
คุณนายตื่นสาย จึงเป็นความหมายที่ขัดแย้งในเชิงจารีตอันดีงามของสุภาพสตรีในสังคมโลกยุคเก่า โดยเฉพาะสังคมโลกตะวันออก ยกตัวอย่าง หลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธและศาสนาซิกข์ในฮินดู ได้ถูกสืบทอดไปยังจารีตวัฒนธรรมของหญิงอินเดียมาอย่างยาวนาน เช่น การต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำงานหนักทั้งวันและหลับหลังสุดของสามีและคนในครอบครัว  สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ใน อุคคหสูตร ที่แสดงธรรมเทศนาต่อเหล่ากุมารีของอุคคหเศรษฐี ณ เมืองชาติยาวัน (พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด 91 เล่ม, 2525) ในการจะต้องไปอยู่สกุลสามีอีกไม่นานนี้ว่า ดูก่อนกุมารี เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า มารดาบิดาของสามีที่เป็นผู้ปรารถนาประโยชน์ หวังความเกื้อกูลอนุเคราะห์ด้วยความเอ็นดู เราทั้งหลายจักตื่นก่อนท่าน นอนทีหลังท่าน คอยรับใช้ท่าน ประพฤติเป็นที่พอใจท่าน พูดคำเป็นที่รักต่อท่าน...”  และศาสนาซิกข์เอง ก็มีข้อยึดมั่นหลักปฏิบัติ การใช้ชีวิตประจำวันตามคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัด หนึ่งข้อนั้นคือ การต้องตื่นแต่เช้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนรุ่งอรุณ และเมื่อตื่นนอนแล้วให้บริกรรมทางธรรมเพื่อฟอกจิตใจให้สะอาดด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2554)
 หญิงไทยเองก็ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ตามวัฒนธรรม ความเชื่อ หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยทำงานบ้านงานเรือนด้วยความสะอาดเรียบร้อย ตระเตรียมข้าวปลาอาหารให้คนในครอบครัวได้ทานมื้อเช้าเช่นเดียวกัน มีช่วงสมัยหนึ่งของสังคมไทยที่มองเห็นอัตลักษณ์ของบทบาทหน้าที่ความเป็นเพศหญิงได้ชัดเจนในแง่ของพฤติกรรมที่ดีงามในสังคม  พัชนี อัยราวงษ์ (2521) ได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง จริยศึกษาของสตรีไทยในสุภาษิตสอนหญิงคำกลอน งานวิจัยได้มีมุมมองที่ทำให้เห็นถึงค่านิยมในเรื่องการปฏิบัติตนของหญิงไทยในอดีต ว่ามีการแบ่งแยกบทบาทหน้าที่ของหญิงชายที่ชัดเจน โดยเฉพาะหน้าที่ของการเป็นแม่ศรีเรือน ซึ่งผลการศึกษาสะท้อนกรอบคุณค่าความเป็นผู้หญิงที่ถูกกำหนดคุณค่าในหน้าที่โดยเพศชายซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในงานด้านภาษาวรรณกรรม และได้กำหนดเป็นมาตรฐานค่านิยมไปในที่สุดสอดคล้องกับงานวิจัยของ รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ (2534) เรื่อง ตัวละครหญิงในวรรณคดีไทยสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ.1893-2394) โดยศึกษาจากวรรณคดีคำสอน นิราศและวรรณคดีการแสดง ก็ชี้ให้เห็นถึงการสร้างตัวละครหญิง ให้มีลักษณะตามมาตรฐานของผู้หญิงในอุดมคติว่าควรเป็นอย่างไร 
ไม่ว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ด้านภาษาหรือวรรณกรรมใดๆของไทยทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา สิ่งสำคัญอยู่ที่การก้มหัวยอมรับสถานะของเพศหญิงตามแต่เพศชายกำหนดให้เป็นไปอย่างไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง ด้วยมาตรฐานที่เพศชายเขียนขึ้นทำให้เพศหญิงต้องจำทนสถานะทางสังคม เป็นเพศที่มีความรู้ความสามารถน้อยกว่าเพศชาย การถูกจำกัดสิทธิพื้นที่ความรู้ โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนทำให้มองเห็นภาพว่าสังคมไทยสมัยนั้นมีลักษณะเพศชายเป็นใหญ่ (Patriarchy)  สิ่งเหล่านี้เท่ากับว่าเป็นการตีกรอบให้เพศหญิงต้องเดินตามจารีตที่เพศชายระบุไว้ ซึ่งมองย้อนกลับไปคำว่าคุณนายตื่นสายจึงเหมือนเป็น ขบถต่อธรรมเนียมปฏิบัติในสังคมโลกยุคเก่า
แต่โลกปัจจุบัน คุณนายตื่นสาย กลับกลายเป็นการสื่อความหมายที่ร่วมสมัยมากขึ้น นอกจากความพยายามสร้างอำนาจอันชอบธรรมให้เกิดการแบ่งชนชั้นทางสังคม (Social Class) ที่จะพูดถึงกันต่อไปแล้ว  ยังหมายถึงภาพแห่งตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ ที่ปฏิเสธกรอบจารีตแบบเดิมๆ เข้าสู่ ลัทธิบูชาความทัดเทียมกันระหว่างเพศมองว่า  ผู้หญิงคิดได้ทุกอย่างเหมือนที่ผู้ชายคิด และผู้หญิงกระทำได้(เกือบ)ทุกอย่างเทียบเท่าผู้ชายกระทำ ได้อาศัยแนวคิดทฤษฎีสตรีนิยม (Feminism Theory) มาเป็นชุดคำอธิบายหลักต่อปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องสิทธิของผู้หญิงในสังคมยุคใหม่ ซึ่งไอเซน สไตน์ (อ้างในวารุณี ภูริสินสิทธิ์, 2545) ได้ให้คำอธิบายถึงพัฒนาการของขบวนการความเคลื่อนไหวในสังคมของแนวคิดสตรีนิยมในสังคมโลกตะวันตกตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแบ่งพัฒนาการออกเป็น 3 ช่วงหลักๆด้วยกัน คือ คลื่นลูกที่หนึ่ง” (ช่วงศตวรรษที่ 17-19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20) “คลื่นลูกที่สอง” (เริ่มทศวรรษ 1960-1980)  และ คลื่นลูกที่สาม” (ช่วงปลายทศวรรษ 1980-ปัจจุบัน) 
จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้มาจากข้อเรียกร้องสิทธิความไม่เท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย รวมทั้งความเป็นอิสระของหญิง โดยเฉพาะผู้หญิงชนชั้นกลางและชนชั้นสูง ยอมรับในการแบ่งโลกสาธารณะและโลกส่วนตัว เสนอและเรียกร้องให้ผู้หญิงออกไปสู่โลกสาธารณะ การทำงานนอกบ้านเพื่อให้เท่าเทียมกับผู้ชาย การดำเนินชีวิตที่เป็นอิสระ หลุดพ้นจากกรอบข้อจำกัดเดิมๆในสังคมความเชื่อแบบโบราณ สะท้อนมุมมองแนวคิดไลฟ์สไตล์ของหญิงตะวันตกในอดีต งานเลี้ยงสังสรรค์และความบันเทิงเทียบเท่าบุรุษเพศ การออกไปหาความสุขสำราญในสถานเริงรมย์ยามค่ำคืน การเสพเครื่องดื่มและดนตรีแนว Jazz & Blue ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา (ประสิทธิ์ เลียวสิริพงศ์, 2533) คือตัวอย่างเส้นทางการลดช่องว่างระหว่างเพศ (Gender) ให้น้อยลงไปได้กว่าเดิม

ส่วนเส้นทางของแนวคิดสตรีนิยมในสังคมไทยนั้น มีการเปลี่ยนแปลงแนวคิดความเท่าเทียมกันด้านเพศอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นคือ การปฏิรูปการศึกษาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.2411-2453  ดำเนินนโยบายพัฒนาคนโดยปฏิรูปสังคม ส่งเสริมการศึกษาสตรีไทยได้รับการศึกษาอย่างเป็นระบบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2417 (เรืองศรี ศรีทอง และพิมพ์พรรณ เทพสุเมธานนท์, 2533) และได้ก่อตั้งเป็นโรงเรียนราษฎร์สตรีแห่งแรกขึ้นมา แต่ก็อยู่ในวงจำกัดแค่ลูกหลานข้าราชการชั้นสูง พระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น เนื่องจากมีการเก็บค่าเล่าเรียนและค่าเลี้ยงดูสูงถึงเดือนละ 5 บาท ทำให้เด็กหญิงสามัญชนชาวบ้านทั่วไปยังถูกจำกัดสิทธิด้านการศึกษาอยู่
สืบเนื่องจากนโยบายด้านการส่งเสริมปฏิรูปการศึกษาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงมีการปรับปรุงการศึกษาตามแบบสมัยใหม่ เพื่อให้รอดพ้นจากการคุกคามของลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตกที่มีต่อประเทศไทยในขณะนั้น เป็นกระแสกดดันให้ไทยต้องปรับปรุงประเทศในทุกๆด้านรวมถึงด้านการศึกษา และจากความต้องการบุคคลเข้ารับราชการ จำเป็นต้องอาศัยบุคคลที่ได้รับการศึกษาตามแบบใหม่เข้าทำงาน จึงได้มีการส่งบุตรหลานของชนชั้นปกครองไปศึกษาต่อยังต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศตะวันตก กลุ่มคนเหล่านี้ต่างก็ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อต่างประเทศ มีทั้งเจ้านาย ขุนนางและข้าราชการ ภายหลังที่จบการศึกษาจากต่างประเทศแล้ว บุคคลเหล่านี้ก็กลายเป็นผู้นำสมัยใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในระยะหลังต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะผู้ก่อการในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 (ระบบออนไลน์ : http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/Pa-tirup-Education.htm)ก็เป็นผลิตผลของนโยบายการปฏิรูปการศึกษาในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นกัน  กระทั่งวรรณกรรมสุดคลาสสิก สี่แผ่นดินของม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช (2510) ยังสะท้อนค่านิยมการส่งบุตรหลานไปเรียนต่อยังต่างประเทศในสมัยนั้นของคุณเปรมและแม่พลอย
จากการได้รับการศึกษาทัดเทียมกับอารยะประเทศที่พัฒนามิอาจปฏิเสธได้ว่า ค่านิยม อุดมการณ์ประเทศตะวันตกถูกซึมซับกลับมายังสยามประเทศด้วย และส่งต่ออิทธิพลไปสู่สตรีไทยยุคต่อมา ในชื่อ มาลานำไทยสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม พ.ศ. 2481 -2487  เกิดเป็นกระแสชาตินิยมถึงขั้นยกเลิกบรรดาศักดิ์ในปี พ.ศ. 2480(อนุช อาภาภิรม,2545) เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม  วัฒนธรรมยุคสร้างชาติ หรือการสร้างรัฐชาติสมัยใหม่วัฒนธรรมการสวมหมวกของสตรีเป็นสัญลักษณ์แห่งอารยธรรมความศิวิไลซ์ (Civilization) และถือเป็นเรื่องที่รัฐให้ความสำคัญมากถึงกับมีนโยบายว่า มาลานำไทยสู่มหาอำนาจนอกจากเรื่องของระเบียบข้อปฏิบัติในการแต่งกายให้เป็นมาตรฐานสากลแล้ว มารยาทการเข้าสังคมในสมัยนั้นยังต้องปฏิบัติตามจารีตของชาติตะวันตก เป็นการกำหนดอารยวัฒนธรรมให้ประชาชนไทยปฏิบัติตาม (วิจารณ์ พานิช, 2551) เช่น การหอมแก้มภรรยาก่อนไปทำงาน การเลิกกินหมากพลู หรือแม้แต่การบังคับให้ผู้หญิงไว้ผมยาวและนุ่งกระโปรงแทนผ้าถุงผ้าซิ่น เป็นต้น  ส่วนหญิงไทยในระดับสังคมชนชั้นสูงเฉพาะกลุ่ม ต้องมีการปรับตัวมากกว่าผู้หญิงโดยทั่วไป เพื่อยกระดับความสามารถให้สมฐานะและสมศักดิ์ศรีกับคู่ครองหรือสามีในฐานะศรีภรรยาที่ดีด้วย โดยยึดถือมารยาทการเข้าสังคมงานเลี้ยงสังสรรค์ ต่างๆ เพื่อเป็นเกียรติแก่สามีอย่างปฏิเสธไม่ได้
ดังนั้นที่มาที่ไปของคำว่า คุณนายตื่นสาย จึงเป็นความหมายที่มุ่งสร้างอัตลักษณ์เฉพาะกลุ่มสตรีชนชั้นสูงขึ้นมา ผู้ที่มีวิถีการดำเนินชีวิตค่อนข้างแหวกขนบจารีตประเพณีอันดีงามของไทย เป็นกลุ่มคนหัวล้ำสมัย มิได้ใส่ใจต่อกรอบมาตรฐานธรรมเนียมปฏิบัติดังที่เพศชายกำหนดไว้ แต่คุณนายตื่นสาย คือการมองเห็นคุณค่าของเพศหญิงด้วยตัวเอง ผ่านการแต่งแต้มอำนาจทางชนชั้นแสดงออกมาในลักษณะความเป็นอภิสิทธิ์ชน (Aristocracy)  คำพังเพย สุภาษิต หลายสำนวนยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นชนชั้นที่เหนือกว่าคนธรรมดาสามัญ เช่นคำว่า  กินข้าวร้อนนอนตื่นสาย”  หมายถึง มีชีวิตอยู่อย่างสบาย (กระทรวงวัฒนธรรม, 2550)  การมีข้าวร้อนๆเรียกกินได้ตลอดเวลา นอนตื่นสายๆ โดยไม่ต้องมีภาระหน้าที่การทำงานที่หนักหนา   หรือคำว่า  นอนกินบ้านกินเมือง”  ก็เป็นสำนวนที่ผู้ใหญ่ใช้ประชดลูกหลานที่ชอบนอนตื่นสาย (รู้รัก ภาษาไทย, 2554)  เดิมสำนวน กินเมือง มีความหมายว่า ครองเมืองหรือได้เป็นเจ้าเมือง ในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช เมื่อกษัตริย์จะปูนบำเหน็จให้ผู้ใดเป็นเจ้าเมืองก็จะใช้คำว่า ให้ไปกินเมือง ดังที่พระเจ้าราชาธิราชทรงแต่งตั้งอำมาตย์ทินให้เป็นอำมาตย์ทินมณิกรอด (อ่านว่า ทิน-มะ -นิก-รอด) ไปกินเมืองเสรียง (อ่านว่า สะ -เรียง) เป็นต้น
ในทัศนคติของผู้เขียน คำว่า คุณนายตื่นสาย ถูกแฝงไว้ด้วยวาทกรรม (Discourse) เป็นความหมายเชิงเปรียบเทียบ เชิงเสียดสีของคนในสังคม การแบ่งแยกชนชั้นถูกตัดแบ่งออกให้เห็นมากขึ้นในปัจจุบัน ความชัดเจนในสถานะตัวตนและบทบาทหน้าที่ของแต่ละกลุ่มคน อาศัยเครื่องมือกระบวนการสื่อสารภาพลักษณ์ของกลุ่มชนชั้นผ่านพิธีกรรมและวิธีการเสพสื่อสารมวลชนที่แตกต่างกันออกไป ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต ฯลฯ ซึ่งการเลือกเสพสื่อแต่ละประเภทก็สะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกกระจายกันออกไปในแต่ละกลุ่มชนและตามสภาพแวดล้อมของสื่อแต่ละประเภทด้วยเช่นกัน สอดคล้องกับแนวคิดของ เกรียงไกร  กาญจนะโภคิน (2549) ที่มองพฤติกรรมการบริโภคสื่อในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน เหตุผลคือ ผู้บริโภคมีทางเลือกในการรับสื่อมากขึ้น ในขณะที่การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปตามสภาพสังคมกำหนดให้เลือกสรรสื่อตามความเหมาะสมตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลด้วย  ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีการศึกษาที่ดีมักบริโภคสื่อประเภทนิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์ข่าวสารเชิงวิเคราะห์ สื่อโทรทัศน์จากต่างประเทศ ฯลฯ ในขณะที่ผู้มีการศึกษาค่อนข้างน้อยก็มักจะเสพสื่อประเภทที่ย่อยง่ายๆ ไม่ซับซ้อนในเชิงเนื้อหาข่าวสาร หรือต้องนำมาวิเคราะห์สังเคราะห์ด้วยตนเอง
การแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมโดยเฉพาะสังคมไทย อาจจะมีเครื่องมือที่ใช้ตัดแบ่งชนชั้นกันไป ตามแต่ผู้มีอำนาจสูงสุดจะเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเองว่าจะใช้เครื่องมือไหนขีดเส้นเอาไว้ และหนึ่งในดรรชนีตัวชี้วัดที่สำคัญนั้นก็คือ ฐานะทางสังคม ชื่อเสียงเกียรติยศ  ความร่ำรวย การศึกษาที่สูง ซึ่งถูกขีดเอาไว้ด้วยแนวคิดการแบ่งชนชั้นทางสังคม (Social Class) ของ Coleman (อ้างใน ดารา ทีปะปาล และ ธนวัตน์ ทีปะปาล, 2553) ที่มีการแบ่งกลุ่มย่อยออกเป็น 3 ระดับ 6 กลุ่มย่อย ตั้งแต่ชนชั้นสูง (Upper class) หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า กลุ่มชนชั้นเยี่ยมยอดของสังคม (Social Elite) ไปถึงชนชั้นล่างระดับล่างสุด (Lower-lowers class) ที่มีชื่อเรียกว่า กลุ่มผู้ทำงานต่ำต้อย (Menial jobs) หรือผู้ไม่มีงานทำ (ไม่มีอันจะกิน)
  หากจะพูดถึงความแตกต่างระหว่างชนชั้นทางสังคม การแบ่งแยกระดับศักดินา ตำแหน่ง ฐานะทางชนชั้น คงย้อนกันไปถึงยุคบรรพกาล ไม่ว่าอารยะธรรมใดที่มีมวลชนอาศัยอยู่เป็นสังคมกลุ่มก้อน ก็ย่อมต้องมีเรื่องของชนชั้น การลดหลั่นลำดับขั้นของบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ซึ่งถูกนำมาเชื่อโยงสู่แนวคิดของ Kingley David & Wilbert Moore (อ้างใน ผจงจิตต์ อธิคมนันทะ,2523)  มองในเรื่องของทฤษฎีการจัดชนชั้นทางสังคม (Social Stratification Theory) ว่าเป็นสากลและทุกสังคมจำเป็นต้องมีระบบชนชั้น ซึ่งชนชั้นนั้นมาจากเจตจำนง ในการทำหน้าที่ต่างๆกันออกไปตามบทบาทภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แม้แต่เรื่องเล่าค่า(ไม่)นิยมในสมัยพุธกาล ยังส่องผ่านให้เห็นถึงทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้ที่นอนตื่นสาย โดยเฉพาะชนชั้นไพร่และทาส ที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่มาทำงานบ้านและดูแลครัวเรือนมิให้ขาดตกบกพร่องในหน้าที่  ดังเช่น ในกกจูปมสูตร (พระไตรปิฎกเล่มที่ 12 : ตอนเวเทหิกาบันดาลโทสะ) เรื่องของนางกาลีทดสอบอารมณ์และจิตใจนายหญิงเวเทหิกาแห่งกรุงสาวัตถี ว่าสามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้จริงหรือไม่ ด้วยการนอนตื่นสายจนถูกตำหนิติเตียนจากเจ้านาย คำพูดที่ว่า เฮ้ย นางชาติชั่ว เมื่อไม่มีอะไร ทำไมจึงตื่นสาย ”  สุดท้ายนางเวเทหิกาควบคู่อารมณ์เกรี้ยวกราดไม่ได้ บันดาลโทสะทำร้ายร่างกายนางกาลีในที่สุด ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงเจตจำนงธรรมเนียมการปฏิบัติตนให้ถูกต้องว่า สิ่งใดควรทำหรือสิ่งใดควรละเลี่ยง
                                วิเคราะห์กันตามสถานการณ์แล้วจะเห็นได้ว่า นางกาลีนั้นตกเป็นเบี้ยล่างของสถานะแรก ความเป็นชนชั้นใต้การปกครอง คือ บ่าว ไพร่ และสถานะที่สอง เพศสภาวะ คือ เพศหญิง ที่ต้องปฏิบัติจารีต ธรรมเนียมตามหลักคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัด (การนอนตื่นสายยังถูกประณามว่าเป็นนางชาติชั่วอีกต่างหาก) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การปฏิบัติตนด้วยการนอนตื่นสายจึงเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับสังคมโลกยุคเก่าโดยเฉพาะเพศหญิงชนชั้นใต้ปกครองหรือชนชั้นล่างของสังคม และยังทรงอิทธิพลความเชื่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งคำว่า คุณนายตื่นสาย เป็นประเด็นที่ชัดเจนในเรื่องของความแตกต่างระหว่างเพศสภาวะและระดับชนชั้นทางสังคม
 “คุณนายตื่นสายจึงเปรียบเสมือนวาทกรรมของคนชั้นล่าง ที่มองผ่านกระบวนการจัดชนชั้นทางสังคม เป็นตัวแทนที่มีความหมายมากกว่าชื่อของดอกไม้ มันคือภาพสะท้อนที่มองเห็นถึงภาวะความแปลกแยก (alienation) “ เป็นการถ่วงดุลอำนาจระหว่าง การสร้างพื้นที่ความเสมอภาคในความคิดและจินตนาการของชนชั้นล่าง ผ่านพิธีกรรมคำพูดเชิงเสียดสี แดกดัน เพื่อละทิ้งสภาพความเป็นจริงที่เผชิญอยู่
ฐานะความมั่นคง ความสะดวกสบาย หรูหรา การใช้ชีวิตแบบคนรวยระดับ กลุ่มคนเยี่ยมยอดของสังคม (Social Elite) ความมีอันจะกินตามสไตล์ละครไทยน้ำเน่า คือภาพแห่งความเพ้อฝัน ขณะที่ชีวิตจริงไม่อิงนิยายของคนส่วนใหญ่ ยังคงต่อสู้ดิ้นรนในอ่างระบบทุนนิยมใบเดิมๆอยู่ ภาวะหนี้สิน ความเดือดร้อนในเรื่องพิษเศรษฐกิจ น้ำมัน น้ำตาล ของคาวของหวาน ราคาสูงลิบลิ่ว พอๆกับการผ่อนซื้อ iPad iPhone  ที่ต้องทำงานงกๆ เป็นมนุษย์เงินเดือนกันอยู่ทุกวันนี้ บางทีอาจจะมีบางช่วงเวลาเหมือนละครโทรทัศน์ ที่คนรับใช้สักคนหนึ่งในบ้านหลังใหญ่ กำลังปลูกดอกไม้ในสวนหน้าบ้าน พร้อมพูดลอยๆตอนเจ้าของบ้านเผลอ ก็เป็นได้
 “ แหม !! นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วจ๊ะ !!  ดูเจ้าดอกพวกนี้สิ กว่าจะบาน...ทำตัวเป็นคุณนายตื่นสายไปได้...


คุณนายตื่นสาย (อังกฤษ: Common Purslane, Verdolaga, Pigweed, Little Hogweed หรือ Pusley) เป็นพืชล้มลุก อวบน้ำในวงศ์ผักเบี้ย สามารถสูงได้ถึง 40 ซม.มีประมาณ 40 สายพันธุ์ในการปลูกเลี้ยงในปัจจุบัน มีการกระจายพันธุ์ในโลกเก่าตั้งแต่แอฟริกาเหนือถึงตะวันออกกลางและอนุทวีปอินเดียถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสตราเลเซีย

คุณนายตื่นสายมีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกดังนี้: ผักตาโค้ง (นครราชสีมา) ผักเบี้ยดอกเหลือง (กลาง) ผักเบี้ยใหญ่ (กลาง) และ ผักอีหลู (เงี้ยว แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะทางพฤษศาสตร์

คุณนายตื่นสายเป็นไม้คลุมดิน ลำต้นอวบน้ำสีม่วงแดง แผ่ทอดเลื้อยไปตามผิวดิน ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่กลับแกมรูปรี กว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบอวบน้ำ ผิวใบด้านบนสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม บางพันธุ์มีขอบใบขลิบสีแดง
ดอกสีขาว ชมพู แดง เหลือง ส้ม ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกชั้นเดียว บอบบาง ขอบกลีบดอกหยักเป็นคลื่น บานเมื่อได้รับแสงแดดตอนเช้า ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ผลแห้งแตก มีเมล็ดจำนวนมาก
ดอกคุณนายตื่นสาย

คุณนายตื่นสาย
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:Plantae
หมวด:Magnoliophyta
ชั้น:Magnoliopsida
อันดับ:Caryophyllales
วงศ์:Portulacaceae
สกุล:Portulaca
สปีชีส์:P. oleracea
ชื่อทวินาม
Portulaca oleracea
L.
ชื่อพ้อง
Portulacaria oleracea


ลักษณะ
ต้น  ไม้คลุมดิน ลำต้นอวบน้ำสีม่วงแดง แผ่ทอดเลื้อยไปตามผิวดิน
ใบ  ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่กลับแกมรูปรี กว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบอวบน้ำ ผิวใบด้านบนสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม   บางพันธุ์มีขอบใบขลิบสีแดง
ดอก  สีขาว  ชมพู  แดง เหลือง  ส้ม ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกชั้นเดียวบอบบาง  ขอบกลีบดอกหยักเป็นคลื่น บานเมื่อได้รับแสงแดดตอนเช้า ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร
ฝัก/ผล  ผลแห้งแตก
เมล็ด  มีเมล็ดจำนวนมาก


ประโยชน์

คุณนายตื่นสายเป็นไม้ดอกอายุหลายปี พุ่มสูง 10-20 cmเจริญเร็ว ลักษณะลำต้นอวบน้ำ ทอดเลื้อยตามผิวดิน แผ่นใบอวบน้ำ มักออกดอกช่อตามซอกใบและปลายยอด มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน กลีบดอกบาง มีสีขาว เหลือง ชมพู บานเย็น ส้ม แดง และสองสีในดอกเดียวกัน ออกดอกดกตลอดปี ดอกของคุณนายตื่นสายจะเริ่มทยอยบานเมื่อได้รับแสงแดดจัดในตอนเช้า ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ "คุณนายตื่นสาย"

แหล่งที่พบ
แถวบ้าน

ตำบล
บ้านบึง

อำเภอ
บ้านบึง

จังหวัด
ชลบุรี

ฤดูกาลใช้ประโยชน์
ตลอดปี
ศักยภาพการใช้งาน
ปลูกเพื่อประดับตกแต่งให้บ้านของผู้ปลูก


เพาะ ขยายพันธุ์ คุณนายตื่นสาย

อยากบอกว่าต้นคุณนายตื่นสายแบ่งเป็นหลายพันธุ์นะครับลักษณะดอกใบจะต่างกันอยู่บ้างแต่ว่าการเจริญเติบโตและการเพาะพันธุ์นั้นใช้วิธีการเดียวกันครับ

เริ่มกันเลย หากิ่งที่ตั้งตรงแล้วตัดเป็นท่อนๆยาวสัก 1 คืบนะครับตัดมาเยอะๆเลย จะให้ดีต้องเลือกที่ตรงๆนะครับเวลาปักชำจะได้ทำได้ง่ายๆไม่ต้องจัดกิ่งมาก เพราะว่าเราปักทีนึงหลายกิ่งครับไม่ได้ปักทีละกิ่ง

ต่อมาก็เอาดินรองก้นกระถางนิดหน่อยแล้วแบ่งกิ่งที่เราเตรียมไว้สัก 10 กิ่งวางลงไปก่อนชิดทางด้านใดด้านหนึ่ง แล้วเอาดินกลบพอประมาณ จากนั้นเอาอีกสิบกิ่งวางเรียงต่อกันมาแล้วเหมือนเดิมเอาดินกลบบางๆ เอาอีกสิบกิ่งมาวางต่อไปเรื่อยๆ ทำแบบนี้จนเต็มแน่นกระถางก็กลบดินให้เรียบร้อย


รดน้ำให้ชุ่มวางไว้ในที่ร่มสัก4-5วันก่อนออกตากแดด สังเกตว่ากิ่งที่มีดอก ดอกก็ยังพร้อมที่จะบานอยู่ นั่นแสดงถึงความเป็นง่ายของต้นคุณนายตื่นสายที่ใครๆก็สามารถเพาะและขยายพันธุ์เองได้ง่ายๆที่บ้าน ยิ่งถ้าใครปลูกเอาลงดินเลยยิ่งโตเร็วงามเร็วมาก ขอเพียงแรกๆรดน้ำให้ชุ่มๆตลอดเวลาหน่อยสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็งามแล้วครับ


ย้ำว่ารดน้ำมากๆหน่อยนะครับในสองสามวันแรก เอาไว้ในร่มก่อนก็ดีจะได้ติดเร็วๆ

ข้อมูลทั่วไปและประวัติ
ชนิดที่ปลูกประดับกันทุกวันนี้ มีทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ผสม เป็นไม้ดอกที่เลี้ยงง่าย ปลูกง่ายอีกชนิดหนึ่ง ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากนัก เหมาะกับสภาพฟ้าอากาศของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศบราซิล
การปลูกและการดูแลรักษา
คุณนายตื่นสายนั้นเหมาะที่จะปลูกในที่ ๆ มีอากาศร้อน และแห้งแล้ง
ปกติคุณนายตื่นสายชอบดินทรายหรือดินปนทราย ไม่ชอบแฉะ จึงทนแล้งได้ดีกว่าแฉะ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมดิน ที่มีการระบายน้ำได้ดี
ระยะเวลาจากเพาะเมล็ดจนให้ดอกประมาณ 6-8สัปดาห์